top of page

เรียน ACT/ติว ACT : ทุกอย่างที่ต้องรู้ก่อนลงสอบ ACT รูปแบบใหม่ / ACT Enhancement (เริ่ม September 2025)

Updated: Aug 10

สอบ ACT เปลี่ยนไปแล้ว! น้อง ๆ พร้อมหรือยัง?


ถ้าน้อง ๆ กำลังวางแผนไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยต่างประเทศ โดยเฉพาะในอเมริกา หรือเรียนต่อหลักสูตรนานาชาติในไทย บอกเลยว่า ข้อสอบ ACT ถือเป็นใบเบิกทางสำคัญที่จะพาไปถึงเป้าหมายนั้น และปี 2025 นี้ ข้อสอบ ACT ก็มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ทุกคน ต้องรู้!

ACT Enhancement
ACT Enhancement

หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อ ข้อสอบ ACT (American College Testing) มาบ้างแล้ว ว่าเป็นข้อสอบวัดความพร้อมเข้ามหาวิทยาลัยของอเมริกา คล้าย ๆ กับ SAT แต่จุดเด่นของ ACT คือ มีพาร์ท Science, มีตัวเลือกสอบแบบ ACT with Writing, และในปีนี้ ACT ได้มีการปรับรูปแบบและรายละเอียดบางจุดที่เรียกว่า ACT Enhancement ซึ่งทำให้รูปแบบการสอบและการเตรียมตัวเปลี่ยนไปพอสมควร


บล็อกนี้จะพาน้อง ๆ ไป สรุปทุกสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับข้อสอบ ACT แบบใหม่ ตั้งแต่โครงสร้างข้อสอบ ACT, รายละเอียดของแต่ละพาร์ท (English, Math, Reading, Science, Writing), วิธีเตรียมตัวสอบ ACT ให้ได้คะแนนดี, ไปจนถึงเทคนิคจัดการเวลาระหว่างสอบ และข้อควรรู้ในวันสอบจริง อยากอ่านพาร์ทไหนเป็นพิเศษคลิกด้านล่างนี้เลย


ACT ไม่ใช่แค่การสอบ แต่คือโอกาสในการพิชิตทุนและเข้ามหาวิทยาลัยในฝัน! อ่านจบบทความนี้ น้อง ๆ จะพร้อมลุย ACT อย่างมั่นใจแน่นอน 💪

ภาพรวมรูปแบบข้อสอบ New Enhanced ACT (ACT รูปแบบใหม่)

ก่อนจะเริ่มเตรียมตัวสอบ ACT ให้ดี น้อง ๆ ต้องเข้าใจให้ชัดก่อนว่า ข้อสอบ ACT มีกี่พาร์ท และแต่ละพาร์ทวัดอะไรบ้าง โดยเฉพาะในปี 2025 นี้ที่ข้อสอบ ACT มีการปรับเล็กน้อยเพื่อความแม่นยำในการวัดผล และรองรับการสอบแบบ ACT Enhancement


โครงสร้างข้อสอบ ACT ล่าสุด แบ่งออกเป็น 3 พาร์ทหลัก + 2 พาร์ทเสริม (Optional) ดังนี้:

พาร์ท

จำนวนข้อ

เวลาที่ใช้ (นาที)

มีผลต่อคะแนน Composite หรือไม่?

เนื้อหาที่วัด

English

50 ข้อ (40 ข้อใช้คิดคะแนน)

35 นาที

✔️ มีผล

Grammar, Style, Sentence Structure

Math

45 ข้อ (41 ข้อใช้คิดคะแนน)

50 นาที

✔️ มีผล

Algebra, Geometry, Statistics ฯลฯ

Reading

36 ข้อ (27 ข้อใช้คิดคะแนน)

40 นาที

✔️ มีผล

Reading Comprehension, Inference

Science (Optional)

40 ข้อ (34 ข้อใช้คิดคะแนน)

40 นาที

แล้วแต่มหาวิทยาลัย

Interpreting Graphs, Experiments

Writing (Optional)

1 Essay

40 นาที

แล้วแต่มหาวิทยาลัย

Analytical Essay Writing


🧠 รวมทั้งหมด 172 ข้อ (รวม science และ writing) ใช้เวลาสอบ 205 นาที หรือประมาณ 3 ชั่วโมง 25 นาที (ยังไม่รวมเวลาพัก)
คำแนะนำ: ถึง Science และ Writing จะเป็นพาร์ทเลือกสอบ แต่หลายมหาวิทยาลัย อาจกำหนดให้ส่ง ดังนั้นน้อง ๆ ควรเช็กกับมหาวิทยาลัยเป้าหมายก่อนตัดสินใจว่าจะสอบหรือไม่
  • การสอบ ACT จะเน้น ความสามารถเชิงวิเคราะห์และประยุกต์ใช้มากขึ้น

  • ทุกพาร์ทของ ACT จะเป็น แบบปรนัย (multiple choice) ยกเว้นพาร์ท Writing

  • ไม่มีการหักคะแนนสำหรับคำตอบผิด! เดาได้เลยถ้าไม่แน่ใจ

  • ข้อสอบ ACT ออกแบบมาให้ ทันเวลาแบบเฉียด ๆ การบริหารเวลาในการสอบจึงสำคัญมาก

Field Test Questions คืออะไร?

ถ้าน้องๆ สังเกตุจากในตารางด้านบน จะเห็นว่าในแต่ละพาร์ทนั้น จะมีข้อที่ไม่ถูกนับคะแนนอยู่ด้วย เช่น พาร์ท English มีทั้งหมด 50 ข้อ ถูกนำมาคิดคะแนนเพียง 40 ข้อเท่านั้น อีก 10 ข้อที่หายไปคือ Field Test Questions นั่นเอง


Field Test Questions คือ “ข้อสอบทดลอง” ที่ไม่ถูกรวมคะแนน ถูกทำออกมาเพื่อที่จะนำข้อสอบเหล่านี้ไปพัฒนาข้อสอบถัดๆ ในอนาคต แต่อย่างไรก็ตาม น้อง ๆ จะ ไม่รู้ว่าอันไหนคือข้อจริงหรือข้อทดลอง ดังนั้น สุดท้ายแล้ว น้องต้องพยายามทำเต็มที่กับทุกข้ออยู่ดี!


เดี๋ยวพาร์ทต่อไปเราจะมา เจาะลึกรูปแบบข้อสอบ ACT ใหม่ แบบละเอียดยิบ ทั้งเนื้อหา เปอร์เซ็นต์หัวข้อสำคัญ, และเคล็ดลับการเตรียมตัวให้พร้อมสอบจริง 💥

รายละเอียดข้อสอบ ACT English: ต้องเจออะไรบ้างในพาร์ท English บ้าง?


หนึ่งในพาร์ทที่หลายคนกลัวมากที่สุดของข้อสอบ ACT ก็คือ English Section หรือที่เราเรียกกันว่า ข้อสอบ ACT ภาษาอังกฤษ นั่นเอง ถึงจะฟังดูง่าย (ก็แค่ grammar ใช่มั้ย?) แต่จริง ๆ แล้วข้อนี้แอบมีลูกเล่นและกับดักซ่อนอยู่เยอะมาก 😱 มาดูกันเลยว่าพาร์ทนี้วัดอะไร แบ่งเป็นหมวดไหนบ้าง แล้วควรเตรียมตัวยังไงให้พร้อม!


รูปแบบข้อสอบ ACT English

รายการ

รายละเอียด

จำนวนข้อสอบ

50 ข้อ (มี 40 ข้อที่นับคะแนนจริง)

เวลาที่ใช้

35 นาที

รูปแบบ

Multiple Choice (มีคำถามเรียงตามบทความ ไม่ใช่แยกเป็นข้อ ๆ)

เป้าหมาย

วัดทักษะการแก้ไขข้อความ การใช้ไวยากรณ์ และการพัฒนาข้อความให้สมบูรณ์ในฐานะ “นักเขียน”


ข้อสอบ ACT English วัดอะไร?

ข้อสอบ ACT English จะให้น้อง ๆ อ่านบทความ แล้วตอบคำถามที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาให้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยคำถามจะถามว่า:

  • ควรเปลี่ยนคำนี้มั้ย?

  • โครงสร้างประโยคนี้ผิดตรงไหน?

  • ต้องใส่ comma ตรงนี้หรือเปล่า?

  • ควรตัดประโยคนี้ทิ้งเลยไหม?

  • และอื่น ๆ อีกมากมาย!

คำถามจะขึ้นอยู่กับ context (บริบท) ไม่ใช่แค่ไวยากรณ์อย่างเดียว

รายละเอียดการแบ่งหมวดคะแนน (Reporting Categories)

ข้อสอบ ACT English จะมีการวัด 3 หมวดหลัก โดยแต่ละหมวดคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของข้อสอบประมาณนี้:


  1. Production of Writing (38–43%)

    • วัดว่าเราสามารถพัฒนาข้อความให้สมบูรณ์ได้ไหม เช่น:

      • พัฒนาเนื้อเรื่องให้มีจุดมุ่งหมายชัดเจน

      • เรียงลำดับประโยคให้สมเหตุสมผล

      • สร้าง Introduction และ Conclusion ที่ดี

      • รู้ว่าเนื้อหาชิ้นไหน “ควรตัดออก”


  2. Knowledge of Language (18–23%)

    • ดูว่าเราเลือกใช้คำอย่างไร เช่น:

      • ใช้คำให้ “ตรงประเด็น” และ “ไม่ฟุ่มเฟือย”

      • รักษาสไตล์ของบทความให้สม่ำเสมอ

      • ปรับโทนภาษาให้เหมาะกับผู้ฟังหรือสถานการณ์


  1. Conventions of Standard English (38–43%)

    • เน้นหลักภาษาแบบจุก ๆ เช่น:

      • โครงสร้างประโยค (Sentence Structure)

      • เครื่องหมายวรรคตอน (Punctuation)

      • การใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้อง (Usage)



รูปแบบคำถามที่ต้องเจอ

  • มีเส้นใต้คำในบทความ → เลือกคำหรือประโยคที่เหมาะสมที่สุด

  • ไม่มีเส้นใต้คำ แต่มีคำถามแทรก → เช่น “ควรลบประโยคนี้ไหม?” หรือ “ประโยคนี้ช่วยพัฒนาเนื้อเรื่องหรือเปล่า?”

  • คำตอบมักมี "No Change" ด้วย → นี่คือกับดักที่หลายคนพลาด! เพราะบางที "ของเดิม" ก็ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องแก้


เทคนิคทำข้อสอบ ACT English ให้ได้คะแนนดี

  • อย่ารีบ! อ่านทั้งย่อหน้าให้เข้าใจก่อนตอบ

  • สังเกตความแตกต่างของแต่ละตัวเลือกให้ดี

  • ถ้าแก้คำเดียวแต่ทำให้ประโยค “ผิด grammar” → อย่าเลือก!

  • ถ้าไม่ชัวร์ ให้ลอง อ่านประโยคใหม่พร้อมคำตอบที่เลือก ว่า “ลื่น” มั้ย

  • อย่ากลัวที่จะเลือก “No Change” ถ้ารู้สึกว่ามันถูกอยู่แล้ว

  • หมั่นฝึกทำข้อสอบเก่าเยอะ ๆ เพราะ โครงสร้างคำถามซ้ำแนวเดิมบ่อยมาก


สรุป: ทำไมพาร์ทนี้สำคัญ?

พาร์ท English ของ ACT ไม่ได้วัดแค่ว่า “น้องรู้ grammar” หรือไม่ แต่วัดว่า “น้องรู้จักใช้ภาษาที่มีประสิทธิภาพ” เพื่อ สื่อสารอย่างมืออาชีพ และนั่นคือทักษะที่มหาวิทยาลัย รวมถึงโลกการทำงานให้ความสำคัญสุด ๆ


รายละเอียดข้อสอบ ACT Math: โจทย์คณิตแบบไหนออก? หัวข้อไหนออกบ่อย?


สำหรับน้อง ๆ หลายคน พาร์ท Math หรือ ข้อสอบ ACT คณิตศาสตร์ อาจจะเป็นได้ทั้ง “ของโปรด” หรือ “ของแสลง” แต่บอกเลยว่าถ้าน้องรู้ว่า ข้อสอบ ACT Math ออกหัวข้ออะไร และ ต้องใช้ทักษะระดับไหน ก็จะเตรียมตัวได้แม่นและมั่นใจกว่าเดิมแน่นอน!


รูปแบบข้อสอบ ACT MATH

รายการ

รายละเอียด

จำนวนข้อสอบ

45 ข้อ (มี 41 ข้อที่นับคะแนนจริง)

เวลาที่ใช้

50 นาที

รูปแบบข้อสอบ

Multiple Choice

เครื่องคิดเลข

✅ ใช้ได้ (เฉพาะรุ่นที่ไม่ผิดกฎ – ตรวจได้ที่ ACT Calculator Policy)

วัตถุประสงค์

วัดความสามารถคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลายถึงต้นปี ม.6 (Grade 12)

หัวข้อที่ออกสอบในข้อสอบ ACT Math

ACT แบ่งข้อสอบพาร์ท Math ออกเป็นหมวดใหญ่ ๆ ดังนี้:


  1. Preparing for Higher Math (ประมาณ 80%)

วัดความรู้คณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลาย โดยแบ่งเป็น 5 หมวดย่อย:

หมวดย่อย

สิ่งที่ต้องรู้

สัดส่วนโดยประมาณ

🧮 Number & Quantity

จำนวนจริง, จำนวนเชิงซ้อน, ราก, เวกเตอร์, เมทริกซ์

10–12%

🔤 Algebra

สมการเชิงเส้น/พหุนาม/รูท/เอ็กซ์โพเนนเชียล, แก้ระบบสมการ

17–20%

📈 Functions

ความเข้าใจเกี่ยวกับฟังก์ชัน (เชิงเส้น, เอกซ์โพ, ลอการิทึม ฯลฯ)

17–20%

📐 Geometry

ความรู้เรื่องรูปทรง, พื้นที่, ปริมาตร, ทริโกโนเมตรี, conic sections

17–20%

📊 Statistics & Probability

ค่าเฉลี่ย, การเก็บข้อมูล, การแปลผล, ความน่าจะเป็น

12–15%

  1. Integrating Essential Skills (ประมาณ 20%)

หมวดนี้เน้นวัดความสามารถ “เชื่อมโยง” หลายทักษะเข้าด้วยกัน เช่น:

  • อัตราส่วน, เปอร์เซ็นต์

  • ความสัมพันธ์แบบแปรผัน

  • การวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น

  • แปลค่ากราฟ และข้อมูลซับซ้อน


  1. Modeling

เป็นหมวดแฝงอยู่ในทุกข้อที่เกี่ยวกับการสร้างโมเดลทางคณิตศาสตร์ เช่น:

  • แปลสถานการณ์จริงเป็นสมการ

  • วางแผนโจทย์เรื่องเวลา, อัตราเร็ว, ดอกเบี้ย ฯลฯ


เทคนิคทำข้อสอบ ACT Math ให้แม่น เป๊ะ ไม่หลงทาง

  1. วางแผนเวลาให้ดีพาร์ทนี้มี 45 ข้อ ภายใน 50 นาที → ข้อละ ≈ 1 นาที อย่าติดอยู่กับข้อเดียว

  2. ใช้เครื่องคิดเลขให้ “คุ้ม” และ “ฉลาด” ไม่ใช่ทุกข้อจะต้องใช้เครื่องคิดเลข บางข้อแค่คูณเลขในใจก็เร็วกว่า!

  3. อ่านคำถามให้ดี แล้ว “แก้โจทย์” ก่อนดูช้อยส์ อย่าเลือกจากสิ่งที่ “ดูน่าจะใช่” ให้คิดเองก่อน แล้วค่อยเช็กว่าคำตอบอยู่ในตัวเลือกมั้ย

  4. ระวังคำตอบหลอก! หลายข้อจะมีช้อยส์ที่ตรงกับ “คำตอบระหว่างทาง” ที่ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้าย

  5. อย่าลืมตรวจสอบคำตอบ ถ้ามีเวลาเหลือ ควรกลับไปเช็กว่าคำนวณถูกไหม ตีความคำถามผิดหรือเปล่า


ข้อสอบ ACT Math ยากแค่ไหน?

ข้อสอบ ACT Math ไม่ได้วัดแค่การคำนวณเก่ง แต่วัดว่า:

  • น้องเข้าใจ concept จริงไหม?

  • น้องสามารถประยุกต์ใช้สูตรได้หรือเปล่า?

  • น้องมองภาพรวมของโจทย์ได้เร็วไหม?

ใครที่แม่นพื้นฐาน + มีทักษะการวิเคราะห์ = ทำพาร์ทนี้ได้สบาย ๆ ค่ะ


สรุปสิ่งที่น้อง ๆ ต้องทำในการเตรียมตัวสอบ ACT Math

  • ทบทวนเนื้อหาทุกหมวดจากหลักสูตร Math ม.4–6 (เน้น Algebra, Functions, Geometry)

  • ฝึกทำโจทย์จากข้อสอบเก่า โดยเฉพาะหมวด "Modeling" และ "Data"

  • ฝึกบริหารเวลาให้จบ 45 ข้อภายใน 50 นาที

  • ศึกษานโยบายเครื่องคิดเลขของ ACT (บางรุ่นห้ามใช้นะ!)


เตรียม Math ให้พร้อม = เพิ่มโอกาสคว้าคะแนน Composite สูงแบบก้าวกระโดด
ACT Math ไม่ยากเกินไป ถ้าเตรียมถูกจุด และฝึกอย่างสม่ำเสมอ ✍️📊

รายละเอียดข้อสอบ ACT Reading: อ่านไว เข้าใจเร็ว เก็บคะแนนให้ทันเวลา


มาถึงอีกหนึ่งพาร์ทยอดฮิต (และฮิตหลุด!) อย่าง ข้อสอบ ACT Reading หรือ พาร์ทอ่าน ที่น้อง ๆ หลายคนมองว่า "ยากเพราะไม่ทันเวลา!" หรือ “คำถามหลอกเยอะมาก!”แต่จริง ๆ แล้วถ้าน้องเข้าใจโครงสร้าง ข้อที่ออกบ่อย และเทคนิคที่ใช้ได้จริง พาร์ทนี้จะกลายเป็นพาร์ทเก็บแต้มแบบชิล ๆ เลยล่ะ


รูปแบบข้อสอบ

รายการ

รายละเอียด

จำนวนข้อสอบ

36 ข้อ (27 ข้อใช้ในการคิดคะแนนจริง)

เวลาที่ใช้

40 นาที

รูปแบบข้อสอบ

Multiple Choice, 4 ตัวเลือก

จำนวนบทความ

4 ชุดบทความ (บางชุดเป็น 2 passages)

ประเภทข้อความ

Fiction, Humanities, Social Science, Natural Science

ACT Reading วัดอะไร?

ACT Reading วัดความสามารถในการ อ่านจับใจความ วิเคราะห์ ตีความ และเปรียบเทียบข้อมูล จากบทความหลากหลายแนว ซึ่งจำลองมาจากระดับการอ่านในมหาวิทยาลัย เช่น:

  • บทความวรรณกรรม

  • บทความประวัติศาสตร์ ศิลปะ มานุษยวิทยา

  • บทความวิทยาศาสตร์

  • การเปรียบเทียบมุมมองของผู้เขียนหลายคน


สกิลที่ต้องใช้ในข้อสอบ ACT Reading

คำถามใน ACT Reading จะครอบคลุมทักษะหลัก 3 หมวด พร้อมสัดส่วนคร่าว ๆ ดังนี้:


  1. Key Ideas and Details (44–52%)

    • จับใจความสำคัญ

    • แยกแยะลำดับเหตุการณ์

    • วิเคราะห์ความสัมพันธ์แบบเหตุ–ผล

    • ตีความข้อมูลที่แฝงอยู่ในเนื้อหา


  1. Craft and Structure (26–33%)

    • วิเคราะห์คำศัพท์จากบริบท

    • วิเคราะห์โครงสร้างบทความ

    • เข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เขียน

    • แยกมุมมองของตัวละครหรือผู้เขียน


  2. Integration of Knowledge and Ideas (19–26%)

    • วิเคราะห์ข้อโต้แย้งและหลักฐาน

    • เปรียบเทียบทัศนคติ/มุมมองจากหลายแหล่ง

    • สรุปความจากหลายข้อความหรือหลายรูปแบบ (เช่น ตาราง + บทความ)


บทความแบบใหม่ที่มาพร้อม "กราฟ/รูปภาพ"

ในข้อสอบ ACT Reading รูปแบบใหม่ (Enhancement) อาจมีบทความที่แถม “กราฟ ตาราง หรือภาพประกอบ” มาด้วยน้อง ๆ ต้องอ่านข้อมูลในกราฟควบคู่กับเนื้อหา และตอบคำถามที่เชื่อมทั้ง 2 อย่างเข้าด้วยกัน เช่น:

"จากข้อมูลในกราฟและย่อหน้า 3 ข้อใดสรุปได้ถูกต้องที่สุด?"

อย่าตกใจ! เพราะทักษะแบบนี้จะมีออกไม่เยอะ แต่ช่วยเพิ่มโอกาสทำคะแนนได้ถ้าน้อง “แปลภาพเป็นคำ” ได้ไว


เทคนิคทำข้อสอบ ACT Reading ให้ไวและแม่น

  1. อย่าอ่านละเอียดทุกบรรทัด!

    • ใช้เทคนิค Skim + Scan

    • Skim: อ่านหัวข้อ หลัก ๆ ทุกย่อหน้า ดูโครงสร้าง

    • Scan: กลับมาอ่านเจาะจงตอนตอบคำถาม

  2. ขีดคำสำคัญ ระหว่างอ่าน เช่น ชื่อ, ปี, เปรียบเทียบ, อารมณ์ผู้เขียน

  3. ดูคำถามก่อน แล้วค่อยอ่าน (โดยเฉพาะคำถามที่ถามตรงจุด เช่น บรรทัดไหนพูดถึงอะไร)

  4. คำตอบอยู่ใน passage เสมอ ไม่มี “คิดเองเออเอง” แบบข้อสอบทั่วไป → ต้อง อิงข้อความ จากบทความเท่านั้น

  5. รู้ pattern ของคำถาม

    • Main Idea

    • Author's purpose

    • Inference

    • Vocabulary in Context

    • Compare & Contrast

    • Evidence support

  6. จับเวลาให้ดี มีเวลาแค่ ≈10 นาทีต่อบทความ → ทำบทความไหนไม่ทัน ให้เดาแล้วไปต่อก่อน



สรุป: ACT Reading ไม่ได้ยากถ้าเข้าใจเกม

  • อ่านให้เร็วแบบรู้จุด

  • หยิบคำตอบจากเนื้อหาจริง ไม่คิดเอง

  • ฝึกดูกราฟ/ตารางควบคู่บทความ

  • รู้ทัน traps เช่น ตัวเลือกที่ “เกือบถูก” หรือ “พูดเกินความจริง”

🧠 ACT Reading ไม่ได้วัดความเก่งภาษาอังกฤษ แต่วัดว่า “น้องอ่านแบบนักวิเคราะห์” ได้ไหมถ้าซ้อมจนคล่อง บอกเลยว่า พาร์ทนี้คือจุดเก็บแต้มของแท้!

รายละเอียดข้อสอบ ACT Science: อ่านการทดลอง ตีความกราฟ วิเคราะห์ข้อมูลให้แม่น


พาร์ท ACT Science อาจฟังดูน่ากลัวตอนแรก แต่จริง ๆ แล้ว...น้องไม่จำเป็นต้องเก่งวิทยาศาสตร์ก็ทำพาร์ทนี้ได้! เพราะสิ่งที่ ACT วัดในพาร์ท Science ไม่ใช่แค่ความรู้วิทย์ล้วน ๆ แต่คือความสามารถในการ อ่านกราฟ วิเคราะห์ข้อมูล และเข้าใจวิธีทดลอง ซึ่งเป็นทักษะที่ทุกคนฝึกได้


รูปแบบข้อสอบ ACT Science

รายการ

รายละเอียด

จำนวนข้อสอบ

40 ข้อ (34 ข้อใช้ในการคิดคะแนนจริง)

เวลาที่ใช้

40 นาที

รูปแบบ

Multiple Choice

เนื้อหาครอบคลุม

Biology, Chemistry, Physics, Earth/Space Science (ในระดับ ม.ปลาย)

ความรู้วิทย์ล่วงหน้า

❌ ไม่จำเป็นต้องรู้ลึก / มีพื้นฐานทั่วไปก็เพียงพอ


ACT Science วัดอะไร?

ข้อสอบ ACT Science วัดว่า “น้องอ่าน-ตีความ-ประเมิน” ข้อมูลวิทยาศาสตร์ได้แค่ไหน ไม่ใช่สอบวิชาวิทย์แบบเนื้อหาเน้น ๆ!

มีการวัดทักษะหลัก 3 หมวด ได้แก่:


  1. Interpretation of Data (38–50%)

    • อ่านและแปลความข้อมูลจาก กราฟ, ตาราง, แผนภาพ

    • ระบุแนวโน้ม, ค่าที่หายไป, คำตอบจากข้อมูล

    • ใช้ข้อมูลสนับสนุนข้อสรุป


  2. Scientific Investigation (18–32%)

    • เข้าใจโครงสร้างของการทดลอง

    • แยกแยะตัวแปรต้น-ตัวแปรตาม-ตัวแปรควบคุม

    • วิเคราะห์วิธีการทดลองและผลที่ได้


  3. Evaluation of Models, Inferences, and Experimental Results (24–38%)

    • เปรียบเทียบ สมมติฐาน, ทฤษฎี, หรือผลทดลอง

    • ประเมินความถูกต้องของข้อสรุป

    • ตัดสินว่า inference ไหน “ตรงกับข้อมูล” ที่ให้มาจริง



รูปแบบชุดข้อสอบ ACT Science

ACT Science แบ่งบทความออกเป็น 3 แบบหลัก ๆ:

รูปแบบ

รายละเอียด

Data Representation

ชุดข้อมูลแบบกราฟ, ตาราง, แผนภาพ — ให้แปลความและตอบจากสิ่งที่เห็น

Research Summaries

บทความที่อธิบาย 1–3 การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พร้อมคำถามวิเคราะห์

Conflicting Viewpoints

ข้อความจาก 2 มุมมองทางวิทย์ที่ขัดแย้งกัน — น้องต้องเปรียบเทียบ วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของแต่ละฝั่ง


เทคนิคทำข้อสอบ ACT Science ให้เร็วและแม่น

  1. อ่านคำถามก่อนแล้วค่อยหาคำตอบในกราฟหรือข้อความ → ไม่ต้องอ่านทั้งหมดตั้งแต่ต้น

  2. ฝึกอ่านกราฟและตารางให้ไวใช้สายตาสแกนหาค่า Trend, Maximum, Minimum, และรูปแบบทั่วไปให้เก่ง

  3. ทำ Research Summaries แบบวาด Diagram เองคร่าว ๆเช่น “ทดลอง 1 วัดผลของ A ต่อ B” → รู้ทันทีว่าอะไรคือตัวแปรต้น/ตาม

  4. Conflicting Viewpoints ต้องจับ keywordเช่น "Scientist 1 เชื่อว่า...", "Scientist 2 โต้แย้งว่า..." → ต้องรู้ว่าใครเชื่ออะไร

  5. ไม่ต้องท่องสูตร!ถ้ามีกรณีพิเศษที่ต้องใช้สูตร จะให้ไว้ในโจทย์อยู่แล้ว

  6. จับเวลาทำข้อสอบให้ดีอย่าเสียเวลาทำความเข้าใจบทความทั้งหมดลึก ๆ ถ้าไม่จำเป็น!



เทคนิคทำข้อสอบ ACT Science เพิ่มเติม

  • อ่านเทคนิค รวม 5 strategy อ่าน ACT Science ให้ทันภายใน 5 นาที ต่อ passage ได้ที่ Blog นี้เลย

  • อ่านเทคนิค 7 tips เพิ่มคะแนน ACT Science ให้ได้ 30+ ได้ที่ Blog นี้

  • อ่าน 20 หัวข้อต้องรู้ก่อนสอบ ACT science ได้ที่ Blog นี้


ถาม-ตอบ : พาร์ทนี้เหมาะกับใคร?

Q: ต้องเก่งวิทย์ไหม?

A: ไม่ต้องเลย! พื้นฐาน ม.ปลายก็เพียงพอ เพราะเน้นการอ่านวิเคราะห์ (แต่ถ้าเข้าใจ เนื้อหา science 20 หัวข้อ นี้ จะยิ่งอ่าน passage ได้เร็วขึ้น)


Q: ต่างจาก Reading ยังไง?

A: ACT Science เน้น "ข้อมูลเชิงปริมาณ" (กราฟ, ตาราง) มากกว่า "เนื้อหาวรรณกรรม" แบบ Reading


Q: พาร์ทนี้ควรสอบไหม?

A: แล้วแต่นโยบายของแต่ละมหาวิทยาลัย → เช็กก่อนว่าเขารับ ACT with Science หรือไม่


สรุป: พาร์ท ACT Science คือพาร์ทวิเคราะห์ ไม่ใช่พาร์ทท่องจำ

  • ใช้ “ตรรกะ” และ “สายตา” มากกว่าความรู้เนื้อหาล้วน ๆ

  • ยิ่งฝึกอ่านกราฟ-ตาราง-บททดลองมากเท่าไหร่ ยิ่งทำพาร์ทนี้ได้ไวขึ้น

  • เป็นพาร์ทที่หลายคน เดาไม่ทัน ถ้าไม่ฝึกจริงจัง

อย่ากลัวพาร์ทนี้ เพราะถ้ารู้เทคนิคแล้ว นี่อาจกลายเป็น “พาร์ทลับ” ที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดเลยก็ได้! 🔍⚡

รายละเอียดข้อสอบ ACT Writing: เขียน Essay อย่างไรให้ได้คะแนนสูง


ถึงแม้ว่า ACT Writing จะเป็นพาร์ท เสริม (Optional) ที่น้อง ๆ สามารถเลือกสอบหรือไม่ก็ได้ แต่รู้มั้ยว่า…หลายมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะสาย Competitive อย่าง Ivy League หรือมหาวิทยาลัยด้าน Liberal Arts “อาจ” ต้องการคะแนน ACT Writing ด้วย!ดังนั้น ถ้าอยาก เตรียมตัวแบบรอบคอบ หรืออยากให้ใบสมัคร “ดูพร้อมและโดดเด่น” ขึ้น — พาร์ทนี้ไม่ควรข้ามเลยค่ะ


รูปแบบข้อสอบ ACT Writing

รายการ

รายละเอียด

รูปแบบ

เขียน Essay 1 เรื่อง

เวลาที่ใช้

40 นาที

คะแนน

2 – 12 (แยกจาก Composite Score)

การตรวจ

ให้คะแนนโดยผู้อ่าน 2 คน (คนละ 1–6 คะแนน แล้วรวมกัน)

หัวข้อ (Prompt)

จะมีประเด็นมา 1 เรื่อง พร้อม “3 มุมมอง” ให้วิเคราะห์

ข้อสอบ ACT Writing วัดอะไร?

ACT ไม่ได้แค่ให้เราสะท้อนความเห็น แต่วัดว่าเราสามารถ…

  • เข้าใจและวิเคราะห์ มุมมองต่าง ๆ

  • แสดงจุดยืนของตนเอง

  • เปรียบเทียบอย่างมีเหตุผล

  • สนับสนุนความคิดด้วยตัวอย่างที่ชัดเจน

  • และสุดท้ายคือ เขียนได้ชัดเจน เป็นระบบ ภาษาแม่น


โครงสร้างหัวข้อ ACT Writing (Prompt)

น้อง ๆ จะได้รับ:

  • ข้อความอธิบายสถานการณ์หรือประเด็นหนึ่ง เช่น“เทคโนโลยีควรเข้ามาแทนที่มนุษย์ในที่ทำงานหรือไม่?”

  • พร้อม “3 มุมมอง” ที่แตกต่างกัน (Perspective 1, 2, 3)

โจทย์จะขอให้เรา:

  • วิเคราะห์มุมมองทั้ง 3

  • แสดงจุดยืนของเรา (จะเห็นด้วยกับมุมมองใดก็ได้ หรือเสนอของตัวเองก็ได้)

  • สนับสนุนด้วยเหตุผลและตัวอย่าง

  • เปรียบเทียบจุดแข็ง–จุดอ่อนของแต่ละมุมมอง


หลักเกณฑ์การให้คะแนน ACT Writing

คะแนนจะพิจารณาจาก 4 ด้าน:

หมวด

สิ่งที่วัด

คะแนน (ต่อหมวด)

Ideas and Analysis

วิเคราะห์มุมมองลึกแค่ไหน? มี insight ไหม?

1–6

Development and Support

มีเหตุผลและตัวอย่างสนับสนุนไหม? ลึกแค่ไหน?

1–6

Organization

เรียงลำดับความคิดดีไหม? เชื่อมโยงแต่ละย่อหน้าชัดหรือเปล่า?

1–6

Language Use and Conventions

ใช้ภาษาได้ถูกต้อง ชัดเจน กระชับไหม? มี grammar ผิดเยอะหรือเปล่า?

1–6

เทคนิคเขียน ACT Essay ให้ได้คะแนนดี

  1. ใช้เวลาวางแผนก่อนเขียน (5–7 นาที)

    • จับใจความของแต่ละมุมมอง

    • เลือกว่าจะสนับสนุนมุมมองไหน (หรือเสนอใหม่เลยก็ได้)

    • คิดตัวอย่างที่ชัดเจน เช่น เหตุการณ์ในสังคม เทคโนโลยี การศึกษา ฯลฯ

  2. โครง Essay ที่แนะนำ: 4 ย่อหน้า :

ย่อหน้า

เนื้อหา

Intro

สรุปหัวข้อ + แสดงจุดยืนของเรา

Body 1

วิเคราะห์มุมมองที่ “เราสนับสนุน” + ตัวอย่าง

Body 2

วิเคราะห์มุมมองที่ “เราคัดค้าน” หรือ “เปรียบเทียบ”

Conclusion

สรุปย้ำจุดยืน + แสดงวิสัยทัศน์หรือข้อเสนอ


  1. ใช้ภาษาชัดเจน ไม่ต้องหรูเวอร์ เขียนให้ “คนทั่วไป” อ่านรู้เรื่องจะดีที่สุดพยายามใช้โครงสร้างประโยคที่หลากหลาย แต่ไม่ซับซ้อนเกินไป

  2. อย่าลืมตรวจ Grammar ช่วง 2–3 นาทีสุดท้าย เพราะแม้แต่คนที่เขียนดี บางทีก็หลุดพิมพ์ผิดง่าย ๆ ได้


เทคนิคทำข้อสอบ ACT Writing เพิ่มเติม

  • อ่านวิธีวิเคราะห์ 3 มุมมอง พร้อมดูตัวอย่างโจทย์ได้ที่ Blog นี้เลย


สรุป: ACT Writing คือโอกาสแสดง “วิธีคิดเชิงวิเคราะห์” ของเรา

  • ไม่ใช่แค่เขียนได้ แต่ต้อง คิดเป็น วิเคราะห์เป็น เปรียบเทียบเป็น

  • มหาวิทยาลัยชั้นนำจะชอบคนที่ “คิดครบ” ไม่ใช่แค่ “คิดเห็น”

  • ถ้าอยากให้ใบสมัครโดดเด่น มีความพร้อม — อย่าละเลยพาร์ทนี้เด็ดขาด!

✨ พร้อมสอบ ACT Writing = พร้อมเข้าสู่โลกมหาวิทยาลัยที่ต้องเขียนทุกวัน! ทักษะนี้ติดตัวน้องไปตลอดชีวิตแน่นอนค่ะ ✍️🧠

เปรียบเทียบข้อสอบ ACT แบบเก่า vs. ACT แบบใหม่ (Enhanced): ต่างกันยังไง?


ตั้งแต่ กันยายน 2025 เป็นต้นไป ข้อสอบ ACT จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นเวอร์ชันใหม่ที่เรียกว่า ACT Enhanced น้อง ๆ หลายคนอาจสงสัยว่า “แล้ว ACT แบบใหม่ต่างจากของเดิมยังไง?”บทนี้จะช่วย เปรียบเทียบข้อสอบ ACT แบบเก่าและ ACT Enhanced ให้ชัดเจน พร้อมสรุปให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่าการสอบปี 2025 เป็นต้นไปควรเตรียมตัวยังไง


รายการเปรียบเทียบ

ACT แบบเดิม (ก่อน ก.ย. 2025)

ACT แบบใหม่ (Enhanced) (เริ่ม ก.ย. 2025)

รูปแบบการสอบ

Online เท่านั้น

Online เท่านั้น

จำนวนข้อ (รวมทุกพาร์ท)

216 ข้อ รวมทุกพาร์ท

172 ข้อ รวมทุกพาร์ท (ลดจำนวนลง)

เวลาทำข้อสอบรวม

3 ชั่วโมง 30 นาที รวมทุกพาร์ท

3 ชั่วโมง 25 นาที รวมทุกพาร์ท (ลดลง)

มี Experimental Section

❌ ไม่มี

✅ มี ข้อสอบทดลอง (ไม่คิดคะแนนจริง)

รูปแบบคำถาม

Standard MCQ (เลือกช้อยส์ล้วน)

Enhanced MCQ + กราฟ/ภาพประกอบ

พาร์ท Reading

ไม่มีภาพ กราฟ ตาราง

✅ มีการตีความกราฟ/ตารางร่วมด้วย

พาร์ท Science

6–7 passages

5 - 6 passages (น้อยลง, กระชับขึ้น)

คะแนนรวม Composite

1–36

1–36 (เหมือนเดิม)

คะแนน Writing

แยกต่างหาก 2–12

แยกต่างหาก 2 - 12

 สรุปจุดเปลี่ยนสำคัญของข้อสอบ ACT Enhanced

  1. ลดจำนวนข้อสอบลง

    • จาก 215 ข้อ เหลือประมาณ 153 ข้อ ทำให้สอบ “เร็วขึ้น” แต่ “เข้มขึ้น”

    • มีเวลาต่อหนึ่งข้อมากขึ้น


  1. สอบผ่านคอมพิวเตอร์ 100%

    • ต้องฝึกทำข้อสอบแบบ Online ให้คุ้นมือ


  1. มี Experimental Section หรือ Field test questions หรือ ข้อสอบทดลอง

    • ข้อสอบทดลอง แทรกอยู่ในชุดข้อสอบจริง → ใช้สำหรับทดสอบข้อสอบใหม่ในอนาคต (ไม่คิดคะแนน)


  1. เน้น "การวิเคราะห์" มากกว่าแค่ “จำสูตร”

    • หลายพาร์ท เช่น Reading และ Science มีข้อมูล “ภาพ/ตาราง/แผนภาพ” ให้ตีความเพิ่ม → ต้องฝึกอ่านภาพควบคู่กับเนื้อหา


สรุป: ACT แบบใหม่ = โอกาสใหม่ สำหรับคนพร้อม

แม้ข้อสอบ ACT Enhanced จะเปลี่ยนหลายอย่างแต่นั่นคือ “โอกาส” สำหรับคนที่ปรับตัวไว! เพราะพาร์ทต่าง ๆ มี “น้อยข้อกว่าเดิม” แต่เน้น “คิดให้เป็น” มากขึ้นใครเตรียมตัวแบบเน้นวิเคราะห์ ฝึกจับเวลา และอ่านภาพประกอบได้ไว → มีโอกาส “คว้า Composite สูง” ได้สบาย ๆ!

การคิดคะแนนข้อสอบ ACT แบบใหม่ (Enhanced): Raw Score, Scaled Score, และ Composite Score


เมื่อ ACT ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า ACT Enhanced ตั้งแต่กันยายน 2025 เป็นต้นไป ระบบการคิดคะแนนยังคงมีหลักการเดิมโดยรวม แต่มี รายละเอียดบางส่วนที่ต่างจากแบบเก่า โดยเฉพาะจำนวนข้อสอบและการมี “Field Test” หรือข้อสอบทดลองที่ ไม่นำมาคิดคะแนน


บทนี้จะช่วยให้เข้าใจ ระบบการให้คะแนน ACT แบบใหม่ อย่างละเอียด พร้อมตาราง Raw → Scaled ของแต่ละพาร์ท และยกตัวอย่าง “น้อง A” ให้เห็นภาพจริง


สรุปภาพรวมการให้คะแนน ACT

ประเภทคะแนน

คืออะไร?

ใช้ทำอะไร?

Raw Score

จำนวนข้อที่ตอบถูก (ไม่นับ field test)

ใช้แปลงเป็น Scaled Score

Scaled Score

คะแนน 1–36 ที่ได้จาก Raw Score

ใช้คำนวณ Composite

Composite Score

ค่าเฉลี่ยของ 4 พาร์ทหลัก

คะแนนหลักที่ใช้ยื่นมหาวิทยาลัย

Superscore

รวมคะแนนพาร์ทที่ดีที่สุดจากหลายรอบสอบ

มหาวิทยาลัยบางแห่งใช้เพื่อคัดเลือก

จำนวนข้อสอบ ACT Enhanced (2025 เป็นต้นไป)

raw score คือจำนวนข้อที่น้องตอบถูกก็จริง แต่อย่าลืมว่าเรามีข้อสอบทดลองอยู่ด้วย ซึ่งข้อเหล่านั้นจะไม่คิดคะแนน เดี๋ยวเรามาทวนกันอีกครั้งว่าแต่ละพาร์ทมีจำนวนข้อสอบทดลองกี่ข้อกันบ้าง

พาร์ท

จำนวนข้อรวม

ข้อที่นับคะแนนจริง

ข้อที่เป็น Field Test

English

50

40

10

Math

55

50

5

Reading

38

35

3

Science

38

34

4

✅ ข้อสอบ Field Test จะ ไม่ระบุว่าเป็นข้อไหน ดังนั้นต้องทำทุกข้อให้ดีที่สุด!

เนื่องจากแต่ละพาร์ทมีข้อที่เป็น field test questions หรือข้อสอบทดลอง ดังนั้นคะแนนเต็มจึงไม่ใช่จำนวนข้อทั้งหมด ยกตัวอย่างอย่างเช่น พาร์ท English มีจำนวนข้อทั้งหมด 50 ข้อ แต่เป็นข้อทดลองไปแล้ว 10 ข้อ นั่นหมายความว่า คะแนนเต็ม raw score จริงๆ จึงเท่ากับ 40 ข้อเท่านั้น


Scaled Score

Scaled Score คือคะแนนที่ได้จากการแปลงจำนวนข้อที่ตอบถูก (Raw Score) ให้อยู่ในช่วง 1–36 สาเหตุที่ต้องมีการแปลง เพราะ แต่ละรอบสอบ ACT อาจมีระดับความยากง่ายไม่เท่ากัน การใช้ Scaled Score จึงช่วยให้คะแนนมีความยุติธรรม และสามารถเปรียบเทียบกันได้แม้สอบคนละรอบ ด้านล่างนี้คือตัวอย่างตารางเทียบคะแนน scaled score ของแต่ละวิชา


ตัวอย่างตารางแปลงคะแนน Raw Score → Scaled Score (อ้างอิงจาก ACT 2025 PDF)

📘English Section (40 ข้อที่นับคะแนน)

Raw

Scale


Raw

Scale


Raw

Scale

40

36


27

27


14

16

39

35


26

26


13

15

38

34


25

25


12

14

37

34


24

25


11

14

36

33


23

24


10

13

35

32


22

23


9

12

34

31


21

22


8

11

33

31


20

21


7

10

32

30


19

20


6

9

31

29


18

19


5

8

30

28


17

18


≤4

≤7



📘Math Section (50 ข้อที่นับคะแนน)

Raw

Scale


Raw

Scale


Raw

Scale

50

36


36

29


22

22

49

35


35

28


21

21

48

35


34

28


20

20

47

34


33

27


19

19

46

33


32

27


18

19

45

33


31

26


17

18

44

32


30

25


16

17

43

32


29

25


15

16

42

31


28

24


14

15

41

30


27

24


≤13

≤14


📘Reading Section (35 ข้อที่นับคะแนน)

Raw

Scale


Raw

Scale


Raw

Scale

35

36


24

26


13

17

34

35


23

25


12

16

33

34


22

25


11

15

32

33


21

24


10

14

31

33


20

23


9

13

30

32


19

22


8

12

29

31


18

21


7

11

28

30


17

21


≤6

≤10

27

29


16

20




26

28


15

19




25

27


14

18





📘 Science Section (34 ข้อที่นับคะแนน)

Raw

Scale


Raw

Scale


Raw

Scale

34

36


23

27


12

19

33

35


22

26


11

18

32

35


21

26


10

17

31

34


20

25


9

16

30

33


19

24


8

15

29

32


18

23


7

14

28

31


17

22


≤6

≤13

27

30


16

22




26

29


15

21




25

28


14

20




24

27


13

19





ตัวอย่าง: น้อง A ทำข้อสอบ ACT Enhanced ได้ผลลัพธ์ดังนี้

พาร์ท

ทำถูกทั้งหมด

ข้อ Field Test

ข้อที่นับคะแนน

Raw (ใช้คิดคะแนน)

English

44/50

10

40

34

Math

53/55

5

50

48

Reading

35/38

3

35

32

Science

37/38

4

34

33

คำนวณ Scaled Score ให้น้อง A โดยนำไปเทียบกับตารางของแต่ละวิชาด้านบน:

  • English: Raw 34 → Scaled 31

  • Math: Raw 48 → Scaled 35

  • Reading: Raw 32 → Scaled 33

  • Science: Raw 33 → Scaled 35


Composite Score คืออะไร?

Composite Score คือ ค่าเฉลี่ยของ Scaled Score ทั้ง 4 พาร์ทหลัก ได้แก่ English, Math, Reading และ Science

เป็นคะแนนรวมหลักที่มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่นำไปใช้พิจารณารับเข้าเรียน


Composite Score ของน้อง A :

  • ค่าเฉลี่ยนของ scaled score ของทั้ง 4 วิชา = (31+35+33+35)÷4 = 33.5

  • ปัดขึ้นเป็น 34

🎉 น้อง A ได้ Composite Score = 34 จากคะแนน Raw ที่คำนวณจากเฉพาะข้อที่นับคะแนนเท่านั้น!


สรุปสิ่งที่น้องควรรู้เกี่ยวกับการคิดคะแนน ACT Enhanced

  • ต้องรู้ว่า “ข้อ Field Test ไม่นับคะแนน” แต่ก็ไม่รู้ว่าข้อไหน → ต้องตั้งใจทุกข้อ

  • คำนวณ Raw Score จาก ข้อที่นับคะแนนจริง เท่านั้น

  • ใช้ตารางแปลงคะแนนจาก ACT อย่างเป็นทางการเพื่อดู Scaled Score

  • Composite = ค่าเฉลี่ย 4 พาร์ทหลัก



Superscore คืออะไร?

Superscore (ซุปเปอร์สกอร์) คือ การนำคะแนนที่ดีที่สุดของแต่ละพาร์ท (English, Math, Reading, Science) จากการสอบ หลายรอบ มาคิดรวมกันเป็น Composite Score ใหม่

📌 หลายมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ยอมรับคะแนน Superscore เพราะต้องการวัด “ศักยภาพสูงสุด” ของผู้สมัคร

ตัวอย่างการคิด Superscore จาก “น้อง A”

น้อง A สอบ ACT ทั้งหมด 3 รอบ ได้คะแนนแต่ละพาร์ท ดังนี้:

รอบที่สอบ

English

Math

Reading

Science

รอบที่ 1

31

32

30

34

รอบที่ 2

33

34

33

35

รอบที่ 3

34

35

31

33


Superscore = คะแนน “ดีที่สุดของแต่ละพาร์ท”

พาร์ท

คะแนนที่ดีที่สุด

มาจากรอบที่

English

34

รอบที่ 3

Math

35

รอบที่ 3

Reading

33

รอบที่ 2

Science

35

รอบที่ 2

Superscore เหมาะกับใคร?

  • คนที่มี จุดแข็ง–จุดอ่อนในแต่ละพาร์ทไม่เท่ากัน

  • คนที่ ตั้งใจสอบหลายรอบ และอยากให้คะแนน “ดีที่สุด” จากทุกพาร์ทมาอยู่ในใบสมัครเดียว

  • คนที่มีเป้าหมายเข้ามหาวิทยาลัยที่ ยอมรับ Superscore (ควรตรวจสอบแต่ละที่ก่อนนะคะ)


ข้อควรจำ

  • ACT.org จะคิด Superscore ให้โดยอัตโนมัติ ถ้าน้องสอบมากกว่า 1 รอบ

  • แต่ในการยื่นสมัคร ต้องเช็กกับมหาวิทยาลัยว่าเขารับ Superscore หรือไม่

  • ถ้ามหาวิทยาลัยไม่รับ → ให้ใช้คะแนนจากรอบที่ได้ Composite สูงสุดแทน



สรุปสั้น ๆ: Superscore = คัด “พาร์ทที่ดีที่สุด” มาเฉลี่ยใหม่

  • เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ คะแนนดูดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้

  • เหมาะกับการสอบหลายรอบแบบมีกลยุทธ์ เช่น รอบแรกเน้น English, รอบสองเน้น Science

  • ยิ่งวางแผนดี → ยิ่งใช้ Superscore ได้คุ้มค่า!

Checklist และสิ่งที่ควรรู้ก่อนเข้าสอบ ACT Enhanced (2025)

เตรียมตัวดี มีชัยไปกว่าครึ่ง! ACT แบบใหม่ปี 2025 เป็นต้นไป จะสอบผ่าน คอมพิวเตอร์ 100% เพราะฉะนั้นนอกจากการอ่านหนังสือแล้ว น้อง ๆ ต้องรู้ด้วยว่า วันสอบต้องเตรียมอะไรบ้าง และมีอะไรเปลี่ยนไปจากของเดิมบ้าง

สิ่งที่ต้องนำไปในวันสอบ ACT

รายการ

รายละเอียด

🎫 บัตรประจำตัว (ID)

บัตรประชาชน หรือ Passport ที่ยังไม่หมดอายุ ชื่อต้องตรงกับที่ลงทะเบียน

📄 Admission Ticket

ปริ้นจากเว็บไซต์ ACT.org หลังสมัครสอบเสร็จ

ถึงสนามสอบตรงเวลา

แนะนำให้ถึงก่อนเวลาอย่างน้อย 30 นาที

✏️ ดินสอ 2B / ปากกา

สำหรับทำโน้ตบนกระดาษ scratch (สนามสอบแจกให้) หรือ อาจมีกระดาน whiteboard และปากกา marker แจกให้

🧮 เครื่องคิดเลข

ACT อนุญาตให้ใช้บางรุ่นเท่านั้น ตรวจสอบรายชื่อเครื่องคิดเลขที่อนุญาตได้ที่ ACT.org/calculator-policy

💧 ขวดน้ำ / snack (ถ้าจำเป็น)

กินได้เฉพาะช่วงพักเท่านั้น

สิ่งที่ “ห้ามนำเข้า” ห้องสอบ

  • โทรศัพท์มือถือ / Smartwatch

  • กระดาษโน้ตส่วนตัว

  • หนังสือ/ชีทสรุป

  • หูฟัง Bluetooth

  • เครื่องคิดเลขบางรุ่นที่มี CAS หรือฟังก์ชันกราฟขั้นสูง

❗ โทรศัพท์มือถือแม้จะปิดเครื่องแล้ว ก็ยังเสี่ยงโดนปรับตกได้หากตรวจเจอ

หน้าตา Software ข้อสอบ ACT (Computer-Based Test) และ Tools ที่ควรรู้จัก

หลายคนอาจสงสัยว่า... ข้อสอบ ACT แบบใหม่ที่เป็นคอมพิวเตอร์ (Computer-Based ACT) จะมีหน้าตาเป็นยังไง?ต้องใช้เมาส์คลิกเลือกคำตอบ หรือพิมพ์? มีตัวช่วยอะไรบ้างในระบบ?


ข่าวดีคือ... ระบบสอบ ACT Enhanced มีเครื่องมือหลายอย่างช่วยให้น้องทำข้อสอบได้สะดวกขึ้นมาก เรามาดูกันว่าในห้องสอบน้อง ๆ จะเจอกับอะไรบ้าง พร้อมแนะนำ Tools ที่ใช้งานได้ในหน้าจอสอบจริง


หน้าจอหลักของข้อสอบ ACT Online

น้อง ๆ จะเห็นหน้าจอแบบนี้ตลอดการสอบ:

  • ด้านซ้ายคือ คำถาม + ภาพประกอบ เช่น กราฟ แผนภูมิ ตาราง

  • ด้านขวาคือ ตัวเลือกคำตอบ

  • ด้านบนมีเมนู “Prev / Next / Tools / Timer”

  • ด้านล่างมี Navigation Bar แสดงหมายเลขคำถามทั้งหมด


เครื่องมือสำคัญ (Test Tools) บนหน้าจอสอบ

ACT บนคอมพิวเตอร์มาพร้อม 6 เครื่องมือ ที่ช่วยให้น้อง ๆ ทำข้อสอบได้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น:

🛠️ Tool

📌 ใช้ทำอะไร

Magnifier

ขยายกราฟ รูปภาพ หรือตัวหนังสือให้ใหญ่ขึ้น เพื่อดูรายละเอียด เช่น ค่าตัวเลข

Highlighter

ไฮไลต์ข้อความสำคัญในโจทย์หรือบทความ ช่วยโฟกัสสิ่งที่ควรจำ

Line Reader

แสดงบรรทัดเดียวของบทความชัด ๆ โดยซ่อนข้อความรอบข้าง ช่วยให้ไม่หลงบรรทัด

Answer Eliminator

ขีดฆ่าช้อยส์ที่มั่นใจว่า “ผิด” เพื่อลดตัวเลือก

Answer Masking

ซ่อนตัวเลือกทั้งหมดก่อน แล้วคลิกเปิดทีละข้อ เพื่อลดความสับสน

Navigation Bar

ดูจำนวนข้อทั้งหมด / ข้อไหนยังไม่ได้ทำ / กด Flag เพื่อกลับมาตรวจสอบภายหลัง

Test Timer บนหน้าจอ

  • มีนาฬิกาบอกเวลาชัดเจนด้านบนขวา

  • เหลือเวลากี่นาทีจะโชว์ตลอดเวลาในแต่ละพาร์ท

  • เมื่อใกล้หมดเวลา จะมี pop-up แจ้งเตือนให้น้องรีบส่งคำตอบ


ปุ่มนำทางระหว่างข้อสอบ

ปุ่ม

ทำหน้าที่

Prev / Next

ย้อนกลับหรือข้ามไปยังข้อถัดไปในพาร์ทเดียวกัน

Nav

เปิดหน้าต่าง Jump ไปยังคำถามข้อใดก็ได้ (เฉพาะพาร์ทปัจจุบัน)

Flag

ติดธงคำถามไว้เพื่อกลับมาตรวจทีหลัง

🔒 หมายเหตุ: ไม่สามารถย้อนกลับไปยังพาร์ทก่อนหน้าได้ เช่น ทำ Math เสร็จแล้วจะกลับไป English ไม่ได้


เคล็ดลับการใช้ Tools ให้คุ้ม

  • ใช้ Answer Eliminator + Highlighter คู่กันใน Reading และ Science เพื่อเน้นสิ่งสำคัญและตัดช้อยส์ที่ผิด

  • ใช้ Line Reader หากรู้สึกว่าบทความยาวและทำให้ตาลาย

  • ใช้ Magnifier เมื่อเจอกราฟที่เส้นเยอะ หรือภาพที่มีตัวเลขเล็ก ๆ

  • ใช้ Flag สำหรับข้อที่ลังเล แล้วกลับมาทบทวนอีกครั้งก่อนหมดเวลา


สรุป

สอบ ACT บนคอมมาพร้อมเครื่องมือที่จะช่วยให้เราคิด วิเคราะห์ และบริหารเวลาง่ายขึ้น! ถ้าฝึกใช้เครื่องมือพวกนี้ให้คล่อง น้อง ๆ จะได้เปรียบมากกว่าสอบแบบเดิมแน่นอน!

ค่าสอบ ACT Enhanced : ต้องจ่ายเท่าไหร่?

การสมัครสอบ ACT แบบใหม่ในปี 2025 เป็นต้นไป จะมี โครงสร้างราคาชัดเจน ขึ้นอยู่กับจำนวนพาร์ทที่เลือกสอบสามารถเลือกสอบเฉพาะ 3 วิชาหลัก, เพิ่ม Science, หรือเลือกสอบ ครบทุกพาร์ทรวม Writing ก็ได้


ตารางค่าสอบ ACT (อัปเดตล่าสุด)

รายการ

ค่าธรรมเนียม (USD)

ค่าธรรมเนียม (ประมาณบาท)

สอบ 3 วิชา (English, Math, Reading)

$186.50

≈ 6,805 บาท

เพิ่ม Science Section

+$10.00

≈ 365 บาท

เพิ่ม Writing Section

+$25.00

≈ 915 บาท

✅ สอบครบทั้ง 4 พาร์ท + Writing

$221.50

≈ 8,085 บาท

แล้วควรเลือกสอบกี่พาร์ทดี?

ประเภทนักเรียน

แนะนำให้สอบพาร์ทไหนบ้าง

อยากสมัครมหาวิทยาลัยที่ไม่บังคับ Writing

สอบครบ 4 พาร์ท (English, Math, Reading, Science) ก็พอ

อยากสมัครมหาวิทยาลัยที่ “บางที่” บังคับ Writing

สอบครบ 4 พาร์ท + Writing เพื่อความชัวร์

อยากลองสอบก่อน (ยังไม่แน่ใจ)

เริ่มจาก 3 วิชา แล้วค่อยเพิ่มในรอบต่อไปได้

📌 ก่อนสมัครสอบ ควรตรวจสอบกับมหาวิทยาลัยเป้าหมาย ว่าต้องการผลพาร์ทไหนบ้าง โดยเฉพาะ Writing

สรุป

ค่าสอบ ACT แบบใหม่อาจจะดูสูงกว่าสมัยก่อนเล็กน้อยแต่น้อง ๆ สามารถเลือกเฉพาะพาร์ทที่จำเป็นต้องใช้ได้ การวางแผนดี ๆ จะช่วยประหยัดเงิน และทำให้การสอบมีประสิทธิภาพมากที่สุด! 😊

สนามสอบมีที่ไหนบ้าง? สอบได้กี่รอบต่อปี?

สนามสอบ ACT ในประเทศไทย (อัปเดตล่าสุด)

  • กรุงเทพฯ (Bangkok)

    • Harrow International School

    • Wall Street English Central World

  • นนทบุรี (Nonthaburi)

    • MC Edutech Solution Co. Ltd

    • RMUTSB Technology Suvarnabhumi (RUS)

  • ศรีราชา (Sriracha)

    • Asian Maritime Technological College (AMCOL)

  • เมืองชุมพร (Meung Chumphon)

    • Theodore International School

  • เชียงใหม่ (Chiang Mai)

    • North-Chiangmai University


ACT จัดสอบกี่รอบต่อปี?

ข้อสอบ ACT จัดสอบ 7 ครั้งต่อปี ในเดือน:กุมภาพันธ์, เมษายน, มิถุนายน, กรกฎาคม, กันยายน, ตุลาคม, ธันวาคม จัดสอบพร้อมกันทั่วโลก และเปิดรับสมัครแบบรอบเวียน (cycle)

สรุปส่งท้าย: พร้อมสอบ ACT แบบใหม่ ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้!

การสอบ ACT เวอร์ชัน Enhanced ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไปแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างทั้งรูปแบบข้อสอบ การคิดคะแนน ไปจนถึงค่าสอบแต่ถ้าน้อง ๆ รู้ก่อน เตรียมก่อน วางแผนดี บอกเลยว่า สอบ ACT ไม่ยากเกินเอื้อมแน่นอน!

ในบทความนี้เราได้รวบรวม:

  • โครงสร้างข้อสอบใหม่แบบละเอียด

  • รายละเอียดของแต่ละพาร์ท พร้อมเทคนิคเตรียมตัว

  • วิธีคิดคะแนน Raw → Scaled → Composite → Superscore

  • Tools และหน้าจอสอบแบบใหม่ (Computer-Based)

  • ข้อมูลค่าสอบล่าสุด + สิ่งที่ต้องเตรียมในวันสอบจริง

เพราะการสอบ ACT ไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้แต่ยังเป็นเรื่องของ “การเตรียมตัวให้ถูกจุด”

อยากได้คะแนน ACT สูงขึ้นแบบตรงจุด?

หากน้อง ๆ คนไหนต้องการ ติวเข้มแบบตัวต่อตัวสอนสด Online โดยพี่ๆ KPH (ผู้เชี่ยวชาญ ACT ตัวจริง) เนื้อหาอัปเดตล่าสุด สอนครบทั้งเนื้อหา + เทคนิคทำข้อสอบ + ฝึกใช้ระบบสอบจริง

📌 สมัครเรียนได้ที่ LINE: @krupimhouse (หรือพิมพ์ในแอป LINE: @krupimhouse มี @ ด้วยนะคะ)

ACT เป็นใบเบิกทางสู่มหาวิทยาลัยในฝันของน้อง ๆ แต่ “การเตรียมตัวที่ถูกวิธี” คือกุญแจสำคัญที่จะเปิดประตูนั้นให้ได้เร็วขึ้นเริ่มเตรียมวันนี้ — แล้วอนาคตจะขอบคุณคุณแน่นอน 💙

Comments


Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
  • Line
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter

CONTACT US 

☎️ : 064-954-7733

Line Official: @Krupimhouse

Facebook : NEW SAT Krupimhouse

Instagram : newsat_kph

X : @KRUPIMHOUSE_

KPH__LOGO_OFFICIAL2.png
bottom of page