top of page

College Admission 101 : Application

Updated: Feb 17

หากอยากเรียนต่ออเมริกา เพื่อที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของ TOP US University/IVY league ได้นั้น น้องต้องทำ 3 อย่างนี้ด้วยกัน

  1. เป็นเลิศด้านวิชาการ สร้าง transcript ให้ strong

  2. ทำคะแนน Standardized test (Digital SAT/ACT) ให้สวย

  3. หาข้อมูลมหาวิทยาลัย ที่เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด


และแน่นอน! มันยังมีอีกหนึ่ง 1 อย่างที่น้องๆ ต้องทำ ซึ่งนั่นก็คือ "The actual process of applying college" "ลงมือสมัครของจริง"


ซึ่งขั้นตอนการสมัคร ไม่ธรรมดาเลย แต่ละ step ของการสมัคร เอกสารแต่ละชิ้นที่ส่ง มีความหมายทุกแผ่น! ซึ่งจะมีอะไรบ้าง KPH รวบรวมทุกอย่างที่น้องต้องเจอ ในกระบวนการสมัครเข้า TOP US University มาให้ใน Blog นี้แล้ว!


College Essay Interview
College Admission 101 : Application

What is the Common Application?


Common Application คือ website ที่เอาไว้ให้น้องๆ ใช้เพื่อยื่นเอกสาร ข้อมูล คะแนนต่างๆ ให้กับหลายๆ สถาบันพร้อมกัน คือใช้ website เดียว สมัครได้เป็นสิบสถาบันพร้อมๆ กัน ซึ่งสถาบันกว่า 900 สถาบัน ที่รับข้อมูลผ่าน Common App ถึงแม้ว่าแต่ละสถาบันจะตั้ง College Essay คนละคำถาม แต่ทุกสถาบันต้องการข้อมูลพื้นฐานเหมือนกันหมด ข้อมูลการติดต่อ ข้อมูลโรงเรียน ข้อมูล Extracurricular activities ข้อมูลครอบครัว และอีกมากมาย ดังนั้น กรอกข้อมูลพื้นฐานแค่ครั้งเดียว แล้วส่งไปให้หมดทุกสถาบันได้เลย ประหยัดเวลาขึ้นเยอะ

 

ปีการศึกษาใหม่จะเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 สิงหาคม น้องๆ สามารถเข้าไปสร้าง account ใน common application ได้เลย และอ่าน requirement ของสถาบันที่น้องสนใจ จำนวนข้อ essay ที่ต้องเขียน จำนวนเอกสารที่ต้องใช้ ข้อสอบ Standardized Test ที่ต้องใช้ ไม่ว่าจะเป็น Digital SAT หรือ ACT  และเริ่มเตรียมตัวได้ทันที! โดยเฉพาะน้องที่วางแผนจะยื่นสมัครหลายๆที่ ยิ่งต้องระวัง เพราะแต่ละสถาบัน อาจมีเอกสารที่ใช้ต่างกัน ระวังตกหล่นด้วย

 

College Essay

หนึ่งในขั้นตอนที่สำคัญที่สุด ของการเข้ามหาวิทยาลัยระดับ Top university ของ US คือ การเขียน College essay ในแต่ละปี แต่ละมหาวิทยาลัย จะตั้งคำถาม ให้น้องได้มีโอกาส present ความเป็นตัวเองออกมาผ่านการเขียน ซึ่งพอทราบว่าต้องเขียน essay น้องๆ หลายๆคน ขาดความมั่นใจ กันไปเลยทีเดียว แต่อย่าพึ่งท้อ KPH อยู่ตรงนี้

 

Admission officers ของมหาวิทยาลัยระดับ Top University ต้องการดูอะไรบ้าง จาก Essay?

สำคัญที่สุด เลยก็คือ มหาวิทยาลัย ต้องการรู้ว่าน้องๆ เขียนเป็น! มี “ความสามารถในการอ่านและเขียน (writing skill)” เป็นอย่างดี แต่นั่นไม่ได้หมายถึงว่าน้องๆ จะต้องใช้คำศัพท์ที่ยากๆ หรือ สวยหรู อะไรขนาดนั้น ภาษาที่ใช้ควรจะต้องชัดเจน organize idea จัดระบบความคิดได้เป็นอย่างดี เป็นเหตุเป็นผล grammar และโครงสร้างประโยค การใช้เครื่องหมาย การสะกดคำต่างๆ ต้องไร้ที่ติ ดังนั้นการจะเขียน essay ที่ perfect ออกมาให้ได้สักชิ้น ต้องใช้ความพยายาม ความอดทน อย่างมาก ตรวจทานและแก้ไขจนพอใจ พี่ๆ KPH แนะนำว่า ให้น้องๆ เริ่มต้นเขียนตั้งแต่เนิ่นๆ ให้เวลากับตัวเองในการกลั่นกรอง ตกตะกอนความคิดออกมา จนได้ essay ที่เป็นชิ้นโบว์แดงที่สุด

 

นอกจากทักษะด้านการเขียนแล้ว “เนื้อหา (content)” ที่น้องใส่ลงไปก็สำคัญมากเช่นกัน เป็นจุดที่สร้างความกังวลให้น้องๆ อยู่ไม่น้อย เกือบทุก Top University จะตั้งคำถามของตัวเองขึ้นมาให้น้องๆ ได้ตอบ (หรือ เลือกตอบจากหลายๆ คำถาม) ซึ่งคำถามส่วนใหญ่มักเป็นคำถาม open-ended หรือคำถามปลายเปิด ที่ไม่มีผิด มีถูก น้องๆ แทบจะสามารถเขียนเกี่ยวกับอะไรก็ได้ด้วยซ้ำ ซึ่งกว้างมากๆ ดังนั้นการตัดสินใจว่า “จะตอบอะไร” นั้นจึงสำคัญมาก เพราะมันเป็นการเปิดโอกาสให้ admission officers ได้รู้จักตัวตนของน้องมากขึ้น น้องๆ ต้องสามารถอธิบายได้ว่า ทำไมหัวข้อที่เลือกตอบนั้นจึงสำคัญ และ มีอิทธิพลต่อตัวน้องอย่างไร

 

อีกหนึ่งอย่างที่สำคัญของ essay คือ “น้ำเสียง (voice)” ที่ออกมาจาก essay น้องๆ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่อง style หรือ form รูปแบบการเขียน เพราะไม่มี form ที่แน่นอน ใช้น้ำเสียงที่ดูเป็นตัวเองที่สุด น้ำเสียงที่ดูขัดกับความเป็นตัวเอง อาจทำให้น้องเสียโอกาสได้ ลองจินตนการดูว่า ถ้านี่คือการสัมภาษณ์หรือคุยกันแบบตัวต่อตัว น้องจะเล่าเรื่องราว ประสบการณ์นี้อย่างไร แล้วเขียนลงไปใน essay ด้วยภาษาที่เป็นตัวน้องเองที่สุด

 

สรุป 3 สิ่งที่ Admission Officers ต้องการจาก essay คือ writing skill, content, และ voice! 3 สิ่งนี้ ที่จะบอกความเป็นตัวน้องมากที่สุด ผ่านกระดาษ 1-2 แผ่น ดังนั้น วางแผนการเขียน essay ให้ดี เพราะนี่ คือโอกาสสำคัญ!

 

5 tips เขียน College Essay

  1. Tell the story that grades and test scores cannot capture/เล่าเรื่องราวที่เกรดและคะแนน SAT ไม่สามารถบอกได้ : เพราะตัวตนของน้องไม่สามารถบอกได้ผ่านตัวเลขบน transcript หรือ คะแนน SAT และ ACT ดังนั้น Essay จะเป็นช่องทางที่สำคัญที่สุด ที่จะแสดงให้มหาวิทยาลัยเห็น ว่า น้องจะนำคุณสมบัติที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์ อะไร ที่จะมาเติมเต็มให้กับ มหาวิทยาลัย Essay จะเป็นตัวตอบคำถามว่า “What you are bringing to the table?”

  2. Always be yourself in your application, not the candidate you think admission committees want to see/เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่เป็นคนที่กรรมการอยากให้เป็น : พูดง่ายๆ คือ ไม่ต้องฝืน! เป็นตัวของตัวเองให้ได้มากที่สุด ไม่ต้องพยายามสร้างความประทับใจให้กับ Admission officers โดยการเขียนในสิ่งที่ไม่เป็นตัวเอง เพราะมันดูออก!

  3. Remember to reflect! / อย่าลืมสะท้อนในสิ่งที่ได้รับการประสบการณ์นั้นๆ : น้องไม่ใช่คนเดียว ที่ได้เป็นประธานนักเรียน ไม่ใช่คนเดียวที่ชนะการแข่งขัน ไม่ใช่คนเดียวที่ได้เป็นกัปตันทีม ไม่ใช่คนเดียวที่ไปทำงานอาสาสมัคร การเล่าเรื่องราวประสบการณ์อย่างเดียว เป็นการแสดงตัวตนแบบผิวเผิน ใช้โอกาสนี้ในการสะท้อนสิ่งที่น้องได้รับจริงๆ เขียนในสิ่งที่ประสบการณ์เหล่านั้น ทำให้น้องเป็นน้องในทุกวันนี้! เพราะวันนั้น จึงมีวันนี้! เขียนในบทเรียนที่ได้รับ เขียนในสิ่งที่ทำให้น้องเติบโต

  4. Start early, and write several drafts/เริ่มเขียนตั้งแต่เนิ่น ๆ และ เขียนร่างไว้เยอะๆ : การจะเขียน Essay ที่ original และ thoughtful เป็นตัวตนของตัวเอง ต้องใช้เวลาในการกลั่นกรอง ตกตะกอนความคิด และเรียบเรียงเรื่องราวแต่ละเหตุการณ์เข้าด้วยกัน ดังนั้น ควรเริ่มตั้งแต่เนิ่น ๆ เขียน และ แก้ จนกว่าจะได้ชิ้นงานที่ masterpiece ที่สุด

  5. Ask a parent, teacher, friends, or KPH!/ปรึกษาคนรอบข้าง หรือ KPH! : ยิ่งน้องใช้เวลากับ Essay นานเท่าไหร่ ยิ่งมีโอกาสที่จะเจอข้อผิดพลาดน้อยลง ไม่รู้ว่า essay นี้ดีพอรึยัง ดังนั้นการให้ คนรอบตัว หรือ ผู้ช่วยดีๆ อย่างพี่ๆ KPH เป็น consult ให้อยู่ข้างๆ จะทำให้น้องๆ ได้เห็นมุมมอง จากผู้อ่านจริงๆ สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่ยังขาดหายไป

 

How do I write a game-changing college essay?

College Essay คือโอกาสครั้งสำคัญในการที่น้องๆ จะสามารถ “ทำตัวเองให้โดดเด่นกว่า” ผู้สมัครคนอื่นๆได้! ลองคิดภาพมหาวิทยาลัยที่มีผู้สมัครเข้ามาหลายร้อย หลายพันคน มันแน่นอนอยู่แล้ว ที่ทุกคนจะได้เกรด และคะแนน SAT/ACT พอๆกันหมด! แต่น้องเท่านั้นที่มีคนเดียว! Only one YOU!


น้องจะได้แสดงความเป็นตัวเอง บุคลิก ความรู้สึก ที่แสดงความ Unique ของตัวเองออกมา! อะไรคือสิ่งที่ทำให้น้องแตกต่างจากคนอื่น นั่นคือสิ่งที่มหาวิทยาลัยอยากเห็น คุณสมบัติอะไร หรือ ประสบการณ์อะไร ที่ทำให้ admission officers ต้องติ๊กถูก ว่า เออ! เอาคนนี้แหละ!


โดยเฉพาะ ตอนนี้ หลายๆ Top University ให้ความสำคัญกับเกรด และคะแนน SAT/ACT น้อยลง ดังนั้นมหาวิทยาลัยเหล่านี้ต้องการที่จะรู้ว่า น้องจะ fit กับสังคมมหาวิทยาลัยนี้ได้อย่างไร และ จะให้อะไรกับมหาวิทยาลัยนี้บ้าง


หากน้องๆ ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน ลองเริ่มจากการเขียนแบบ Free write ดูก่อน ลองเริ่มจากการร่าง เป็น Bullet point ถึงประสบการณ์ที่มีความสำคัญต่อชีวิต เป็นจุดเปลี่ยนชีวิต เป็นจุดเปลี่ยนความคิด โดยประสบการณ์เหล่านั้น “ไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องราวใหญ่โต สามารถเป็นจุดเล็กๆ ในชีวิตก็ได้” ยกตัวอย่างเช่น การนั่งกินกาแฟ การนั่งมองชีวิตผู้คนเดินไปมา การเดินไปซื้อของในตลาด การช่วยคุณแม่ทำกับข้าว สิ่งเหล่านี้สามารถหยิบมาเป็นเรื่องราว ที่น่าสนใจและสร้างบทเรียนชีวิตให้น้องได้ ลองคิดถึง สถานที่ที่เคยไป ผู้คนที่เคยพบเจอ หนังสือที่เคยอ่าน ภาพยนตร์ที่เคยดู สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสิ่งเล็กๆ ที่เปลี่ยนชีวิตของน้องไปตลอดกาล


จำไว้ว่า น้อง “ไม่จำเป็นต้องหยิบเรื่องราวพิเศษ เพื่อทำให้ตัวเองดูพิเศษ” แต่น้องสามารถเขียนเรื่องราวเล็กๆ ที่แสนธรรมดา ให้ดูพิเศษได้ หนึ่งในนักเรียนของ KPH เขียนเกี่ยวกับ ความชอบ ในการอาบน้ำ และเชื่อมั้ยว่าน้องคนนั้นติด Yale! สิ่งสำคัญที่สุดคือ เขียนในสิ่งที่ real และ clear เกี่ยวกับตัวน้อง ใส่ความเป็นตัวเองลงไป พี่ๆ รู้ว่ามันไม่ง่าย แต่ค่อยๆ เขียนทีละนิด อย่าลืมว่า “ถ้าน้องรู้สึกเบื่อตอนเขียน คนอ่านก็จะเบื่อตอนอ่านเหมือนกัน”

 

More College Essay Tips

  1. Consider your reader/นึกถึงคนอ่าน : ลองคิดภาพ admission officers ที่ต้องอ่าน Essay หลายร้อยชิ้น พี่เชื่อว่าน้องคงไม่อยากทำให้ officer ต้องเบื่อกับ essay ของน้องอย่างแน่นอน การเขียน essay ไม่ได้มีโครงสร้าง หรือ แบบ form ที่เป๊ะๆ น้องสามารถใส่ความคิดสร้างสรรค์ ใส่ความคิด ใส่ความเชื่อ ใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้เต็มที่

  2. Avoid extremes of tone : อารมณ์ขันและความคิดสร้างสรรค์ จะทำให้น้องแตกต่าง แต่เนื่องจาก ความ sensitive ของผู้อ่านอาจต่างจากเรา ต้องระวังไม่ให้ message ที่เราต้องการสื่อ ผิดพลาดได้

  3. Avoid resume's pattern : Essay ไม่ใช่ Resume ไม่ต้องพูดเรื่องประวัติชีวิต หรือ ประวัติการศึกษา ใช้โอกาสนี้ในการพูดถึง สิ่งที่อธิบายไม่ได้ บน Resume, Transcript และ คะแนน SAT/ACT

  4. Stay within required length/ความยาวอยู่ภายในกำหนด : Essay ส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ประมาณ 650 คำ การเขียนอยู่ภายในกำหนด เป็นตัวบอกว่าเราเข้าใจและทำตามคำสั่งได้

 

Optional or Supplemential Material

How important is optional or supplemental application material?

ตามชื่อเลย! ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า optional คือส่งเอกสารเพิ่มเติม หรือไม่ส่งก็ได้ ถ้าไม่ส่งก็ไม่ได้มีใครว่าอะไร ไม่ส่งผลลบต่อการสมัครแน่นอน อย่างไรก็ตาม หากใน application ของน้องยังไม่มีจุดไหนที่พูดถึง ความสนใจส่วนตัว passion กิจกรรม หรือ ความสำเร็จที่ผ่านมา จุดนี้คือโอกาสที่ดีเลย เป็นการข้อมูลเกี่ยวกับเราเพิ่มเติมเข้าไปอีก


Optional หรือ Supplemental application material เป็นช่องทางเพิ่มเติมให้น้องได้แชร์อะไรตามที่ทำให้ admission committee “เห็นภาพ” เกี่ยวกับตัวน้องชัดเจนขึ้นอีก อย่างเช่น Portfolio งานศิลปะ หรือ Clip วิดิโอ การแสดง หรือ คลิปการแข่งขัน debate เป็นต้น


อย่างไรก็ตาม อะไรก็ตามที่ซ้ำกับเอกสารอื่นๆแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่เข้าไปก็ได้ เช่น ส่ง essay ไปแล้วหนึ่งชิ้น ก็ไม่ต้องส่ง essay ชิ้นที่สองไปซ้ำก็ได้ หรือ ถ้าน้องเคยได้รางวัลอะไรมา และได้พูดไปแล้วในเอกสารอื่นๆ เขียนลงใน essay ไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารไปซ้ำในจุดนี้ เพราะการพูดซ้ำในสิ่งที่พูดไปแล้ว มันไม่ค่อยมีประโยชน์เท่าไหร่


ช่วงฤดูการส่งเอกสาร admission officers จะยุ่งมากๆ ไม่สามารถใช้เวลามากเกินกว่าปกติไปกับการดู optional/supplemental material ได้ ถ้า application ของน้องให้ภาพที่สมบูรณ์แบบ ครบทุกมิติเกี่ยวกับตัวน้องแล้ว ถือว่าน้องทำได้ดีมาถูกทาง และ ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว optional/supplemental material อาจจะไม่จำเป็นเลยก็ได้

แต่ถ้าน้องอยากส่งไปเพิ่มจริงๆ make sure ว่าเอกสารเหล่านั้นต้องเพิ่ม value อะไรสักอย่างให้กับ application ของเรา และควรเป็นสิ่งที่เข้าใจง่ายสำหรับ admission committee ด้วย


 

Interview

Is a college interview required? What should I expect?

การสอบสัมภาษณ์ของมหาวิทยาลัยในไทย หลักสูตรนานาชาติ จะบังคับต้องสอบสัมภาษณ์ แต่มหาวิทยาลัยในแต่ละมหาวิทยาลัย ใน US จะแตกต่างกัน  หลายๆ มหาวิทยาลัยใน US เปิดโอกาสให้ผู้สมัครสัมภาษณ์ได้ทั้งแบบ online และแบบ onsite สัมภาษณ์กับอาจารย์ หรือ ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนั้น ซึ่งมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ใน US มักจะเป็นรูปแบบ optional คือสามารถเลือกได้ว่าจะสัมภาษณ์ หรือ ไม่สัมภาษณ์ก็ได้ ไม่ได้บังคับ ถึงแม้ว่าจะเลือกได้ แต่ KPH แนะนำว่า “สัมภาษณ์ดีกว่า” เพราะนี่คือ อีกโอกาสทอง! ที่จะ สร้างความประทับใจให้กับ admission committee! นี่คือโอกาสทองที่น้องจะ “เล่าความเป็นตัวเองได้ออกมาดียิ่งกว่าเดิม!”

 

สัมภาษณ์ยังช่วยให้น้องรู้จักมหาวิทยาลัยนั้นได้ดียิ่งขึ้น อาจารย์ที่สัมภาษณ์น้องเป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยนั้น ดังนั้น นี่คือโอกาสที่น้องจะได้ถามคำถามแบบ in-depth กับอาจารย์โดยตรงเกี่ยวโปรแกรมที่น้องอยากเรียน คำถามที่ google ก็ตอบไม่ได้ นี่ยังเป็นการ “แสดงถึงความตั้งใจที่น้องอยากเข้าไปเรียนจริงๆ” อีกด้วย tips เล็กๆคือ อย่าถามข้อมูลทั่วไป ที่หาอ่านได้ตาม google ล่ะ

 

จะเตรียมตัวตอบคำถาม Interview ยังไงดีล่ะ? อันดับแรก เลยคือ เตรียมตัวตอบคำถามทั่วๆไป basic ก่อน ฝึกกับผู้ปกครอง ครู หรือ ฝึกกับพี่ๆ KPH! เพราะ Mock Interview บ่อยๆ จน  “comfortable และ confident” กับบรรยากาศการสัมภาษณ์จริง ดู Professional และ natural เป็นธรรมชาติ เจอคำถามที่ไม่ได้เตรียมตัวมา ก็ไม่หวั่น สามารถ adapt ได้ ทันที!


 

Letters of Recommendation


Who should I ask to write my letters of recommendation? ให้ใครเขียน letter of recommendation ดี?

เกรด/transcript คะแนน SAT/ACT เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสมัครเข้า Top University แต่ต้องไม่ลืม ความสำคัญของ Letters of recommendation ด้วยเช่นกัน เพราะเอกสารเหล่านี้ เป็นการแสดงตัวตนของน้องผ่านมุมมองของผู้ใหญ่ ครู ที่ปรึกษา น้องอาจจะต้องการ letters of recommendation อย่างน้อย 2 ใบ จากครูที่โรงเรียน และบางสถาบันอาจจะขออีก 1 ใบ จาก coach, employer, etc. ซึ่ง letter of recommendation เหล่านี้ จะถูกส่งตรงจากครูไปที่สถาบันเลย


เมื่อต้องเลือกว่า “ใคร” จะเป็นคนเขียน letters of recommendation ให้ น้องต้องเลือกให้ดี น้องไม่จำเป็นต้องเลือกครูที่ให้เกรดน้องดีที่สุดก็ได้ จริงๆแล้ว ครูท่านที่เหมาะสมที่สุด คือ ครูที่ส่งเสริม ผลักดันให้น้องเจอความท้าทาย และสนับสนุนการเติบโตของน้องมากกว่า น้องควรเลือกครูท่านที่เรามี connection และคุ้นเคยกับผลการเรียน ติดตาม performance ของน้องมาตลอด


คำแนะนำของพี่ก็คือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดี กับครูท่านที่น้องชอบ participation ใน class เป็นสิ่งสำคัญในการให้ครูเห็นถึงความตั้งใจ หาโอกาสในการเข้าถึงครูท่านนั้นนอกห้องเรียนผ่านการทำกิจกรรมร่วมกับคุณครู


วางแผนล่างหน้า เพื่อให้เวลาคุณครูได้เขียน เพราะน้องอาจไม่ใช่คนเดียวที่ขอให้คุณครูเขียนให้ ครูอาจจะต้องใช้เวลาในการส่งเอกสารให้กับทางมหาวิทยาลัยโดยตรง เวลาขอ letters of recommendation จากคุณครู ให้น้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสำหรับครูเลย ไม่ว่าจะเป็น แบบ forms, ที่อยู่, เว็บไซต์ link วิธีการส่ง และ deadline พี่ๆ แนะนำว่า น้องควร list กิจกรรมที่น้องเคยทำ essay และข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้คุณครูไปอ่านคร่าวๆ เพื่อให้คุณครูเขียนได้ครบทุกมิติมากขึ้น

 

หลังจากอ่าน Blog นี้แล้ว พี่ๆ KPH หวังว่าน้องจะเห็นภาพว่า นอกเหนือไปจาก เกรด คะแนน SAT/ACT และ ความ strong ของ transcript แล้ว ยังส่วนประกอบอื่นๆ ทั้ง College Essay, Letters of Recommendation, Supplemental Material และ Materials ที่มีส่วนสำคัญในการบอกถึงตัวตนของน้องด้วยเช่นกัน ในการสมัครเข้า TOP US University พี่ๆ KPH หวังเป็นอย่างยิ่งว่า Blog นี้จะช่วยให้น้องวางแผนได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งพี่ๆรู้ดีว่าการเตรียมตัวเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย พี่ๆ KPH จึงออกแบบคอร์สเรียน College Essay และ Interview แบบ Online ที่จะช่วยให้น้องเป็น candidate ที่โดดเด่นกว่าเดิม!


ดูรายละเอียดคอร์สเรียน College Essay ได้ที่ page นี้

ดูรายละเอียกคอร์สเรียน Interview ได้ที่ page นี้


ติดต่อสอบถามรายละเอียดคอร์สเรียนได้ที่นี่

Call : 064-954-7733

Line OA : @krupimhouse

Follow Us
  • Facebook Basic Square
  • Twitter Basic Square
  • Google+ Basic Square
  • Line
  • Instagram
  • Facebook
  • Twitter
bottom of page